เวอร์ชั่นสั้น สำหรับคนขี้เกียจอ่านอะไรยาวๆ
ในปัจจุบันหากใครเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ และต้องการใช้เงินสดสกุลเงินต่างประเทศเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ก็มักจะมีทางเลือกเช่นการแลกธนบัตรสกุลนั้นๆ หรือใช้บัตรเครดิตในการชำระเงิน ซึ่งก็มักจะมีปัญหาต่างๆ เช่น
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกรุงไทยก็ได้เปิดตัว Krungthai Travel Card ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง รวมถึงนักเรียน นักศึกษาที่กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ โดยบัตรดังกล่าวมีจุดเด่นเช่น
วิธีการสมัคร
ด้านวิธีการสมัครนั้น จะต้องมีบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันกับกรุงไทยเสียก่อน และสามารถไปสมัครบัตรได้ที่ทุกสาขาของธนาคาร ซึ่งผมไม่เคยมีบัญชีกับกรุงไทยมาก่อน ก็เลยต้องเปิดบัญชีก่อนค่อยสมัครบัตร และทางธนาคารจะให้เรากำหนดรหัสบัตร 6 หลักเอง ซึ่งรหัสสามารถเปลี่ยนได้ที่ตู้เอทีเอ็มของกรุงไทยในภายหลังได้ โดยบัตรมีอายุ 2 ปี
ตัวบัตรจากการตรวจสอบ BIN พบว่าเป็น Visa Prepaid มีการปั๊มหมายเลขนูนลักษณะเหมือนบัตรเครดิต ส่วนชื่อที่ปั๊มบนบัตรเขียนว่า KRUNGTHAI TRAVEL ตัวบัตรยังมีเทคโนโลยี Visa PayWave เพื่อชำระผ่านเครื่องที่รองรับ NFC รวมถึงยังรองรับเทคโนโลยี Chip & PIN อีกด้วย
การใช้งานผ่านแอพพลิเคชัน netbank
จากรายละเอียดด้านบน การแลกเปลี่ยนเงิน ขายคืน ตรวจสอบยอด เปิดปิดการใช้บัตร สามารถดำเนินการผ่านแอพ KTB netbank (หรือชื่อใหม่ตามการรีแบรนด์อย่าง Krungthai netbank) โดยภายในแอพจะมีเมนู Travel card แยกออกมาต่างหาก
ซึ่งเมื่อกดเข้าไปจะพบหน้าจอแสดงสกุลเงินทั้ง 7 สกุลที่สามารถแลกได้ และมียอดคงเหลือของแต่ละสกุล เมื่อกดเข้าไปก็จะพบรายละเอียดต่างๆ ทั้งยอดเงินที่เหลือ วันทำรายการ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้น รวมถึงการดูรายการเคลื่อนไหวบัญชีย้อนหลังได้ 3 เดือนอีกด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถเปิด-ปิดการใช้งานบัตรได้ตลอดเวลา ซึ่งสามารถเปิด-ปิดได้ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง
สำหรับการซื้อขายนั้น ก็สามารถทำผ่านแอพได้ทันที โดยการกดปุ่มที่อยู่ด้านล่าง โดยสามารถซื้อได้ขั้นต่ำ 1 หน่วยของสกุลเงินนั้นๆ (โดยสามารถซื้อได้ถึงหน่วยทศนิยม 2 หลัก เช่น 1.01 หรือ 9.99) โดยเลือกบัญชีกรุงไทยต้นทาง และใส่จำนวนเงินที่ต้องการ โดยสามารถแจ้งผลการแลกเงินผ่านอีเมลและใส่บันทึกช่วยจำได้
ซึ่งเมื่อแลกเงิน (หรือในแอพคือการโอนเงิน) ก็จะมีการเก็บรูปภาพไว้เป็นหลักฐานในเครื่อง และสามารถใช้เงินได้ทันที ส่วนการขายคืนก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เงินที่แลกไว้จะไม่ได้รับดอกเบี้ยแต่อย่างใด เนื่องจากเก็บไว้ในรูปแบบบัญชีกระแสรายวัน
การใช้งานบัตร
Travel Card สามารถใช้งานได้ใน 3 รูปแบบ คือ
โดยมีวงเงินกดเงินสดไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน และวงเงินซื้อสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตรหรือออนไลน์ไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน และสามารถแลกเงินเก็บไว้ได้สูงสุด 1,000,000 บาท โดยวงเงินทั้งหมดคิดจากทุกสกุลเงินรวมกันเทียบในอัตราเงินบาท
อัตราแลกเปลี่ยน
มาถึงจุดสำคัญ นั่นคืออัตราแลกเปลี่ยนว่าจะดีกว่าร้านแลกเงินทั่วไป หรือธนาคารจริงหรือเปล่า
ผมขอเทียบกับร้านแลกเงินชื่อดังย่านประตูน้ำ ที่ขึ้นชื่อว่ามีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด แถมขยายสาขาไปหลายแห่ง (รวมถึงใต้สนามบินสุวรรณภูมิก็มี) อย่าง Superrich Thailand ก็พบว่าอัตราแลกเปลี่ยนของ Travel Card ถือว่าสูสี และอาจดีกว่าในหลายๆ สกุล อีกทั้งยังไม่มีถูกลดอัตรากรณีเป็นธนบัตรย่อยด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนต่างอัตราซื้อขายของ Travel Card จะอยู่ในกรอบแคบๆ สูงสุดไม่เกิน 4 สตางค์ ขณะที่ร้านแลกเงินอาจมีส่วนต่างสูงถึง 25 สตางค์
การเก็งกำไร(!?)
มาถึงตรงนี้ บางคนอาจมองว่าสามารถใช้ช่องทางนี้ในซื้อขายเพื่อการเก็งกำไรค่าเงินที่สะดวก ไม่ต้องเก็บเงินสดจริงๆ และสามารถแลกคืนได้ตลอด อย่างไรก็ตามด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไม่บ่อยครั้งนัก ก็อาจไม่เหมาะกับนักเก็งกำไรเป็นชีวิตมากนัก รวมถึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์อีกด้วย
ค่าธรรมเนียม
อย่างไรก็ตาม ได้มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตร / การถอนเงิน / สอบถามยอด / ขายเงินคืน จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2561
สรุป
จุดเด่น
ข้อสังเกต
Krungthai Travel Card ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ออกเป็นธนาคารแรกของไทย และยอมรับว่าไม่คาดคิดว่ากรุงไทยจะออกผลิตภัณฑ์นี้มาเป็นธนาคารแรก น่าจะเป็นธนาคารสีเขียว สีม่วง หรือสีน้ำเงินก่อนมากกว่า (แต่หากจะว่าไป กรุงไทยก็สู้ในสมรภูมิร้านรับแลกเปลี่ยนเงินใต้สนามบินเหมือนกัน ไม่เชื่อลองไปสำรวจอัตราแลกเปลี่ยนที่สาขาแอร์พอร์ตลิงก์สุวรรณภูมิได้) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทดแทนการถือเงินสดไปใช้จ่ายในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่รับบัตรเครดิตโดยทั่วไป ลดปัญหาเศษเหรียญที่ไม่สามารถแลกคืนได้หรือธนบัตรย่อยที่ถูกกดราคา อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในขณะนี้ที่มีโปรโมชั่นออกบัตรฟรีด้วย
แต่หากต้องการนำบัตรไปใช้เพื่อกดเงินสดที่ประเทศปลายทาง ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีมากนัก เนื่องจากยังมีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดเช่นเดียวกับการนำบัตรเดบิตในประเทศไปกดเงินที่ต่างประเทศอยู่
ใครมีแผนเดินทางต่างประเทศ อย่างน้อยๆ ไปรับบัตรมาก่อน ก่อนตัดสินใจใช้ในการท่องเที่ยวต่างประเทศก็ไม่เสียหายแต่อย่างใด
Tags: กรุงไทย, ท่องเที่ยว, ธนาคาร
ตอนนี้เรื่อง e-payment กับ e-money กลายเป็นกระแสที่ตอนนี้หลายฝ่าย (โดยเฉพาะภาครัฐ) ให้ความสนใจกันมาก ไล่มาตั้งแต่ PromptPay ต่อยอดมา QR PromptPay
จนตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานทางการเงินอื่นๆ ประกาศว่าได้พัฒนาบริการเชื่อมโยงระบบ e-wallet เข้ากับระบบ PromptPay ตั้งแต่ 15 กันยายนที่ผ่านมา
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณในการก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และหันมาใช้เงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น แล้วยังช่วยลดค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเข้า-ออกจาก e-wallet ที่บางเจ้าคิดได้มหาโหดมาก
จากรายชื่อเบื้องต้น มี 10 ธนาคาร บวกกับ 2 ผู้ให้บริการ e-wallet นั่นคือ mPAY กับ TrueMoney นั่นเอง (ล่าสุดเห็นว่า DeepPocket กับ BluePay เปิดให้บริการแล้วเหมือนกัน)
คราวนี้ก็เลยอยากลองของสักหน่อยว่าการโอนเงินเข้าออกมันจะเป็นยังไง ตามประสาหนูลองยา
เบื้องต้นบริการที่เปิดก่อนนั่นคือค่ายเจ้าสัวก่อน แต่ขั้นแรกต้องลงทะเบียนที่แอพ
แล้วก็ไปยืนยันตัวตนที่ตู้ทรูมันนี่ ตามนี้
ส่วนค่ายเขียวนั้น ลงทะเบียนผ่านแอพเหมือนกัน ขั้นตอนเหมือนๆ กัน แล้วไปยืนยันตัวตนที่ AIS Shop (ซึ่งยังไม่ได้ไปลอง)
และเมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย ก็จะได้หมายเลข e-wallet 15 หลัก (ซึ่งเป็นรหัสพร้อมเพย์ด้วย) โดย 5 หลักแรกจะเป็นของแต่ละเจ้า ส่วน 10 หลักหลังคือหมายเลขโทรศัพท์ที่ผูกกับ e-wallet ซึ่งของ mPay ขึ้นต้นด้วย 11000 ส่วน TrueMoney ขึ้นด้วย 14000
แน่นอนว่าเมื่อมันกลายเป็นพร้อมเพย์ ก็ย่อมมีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ารหัสพร้อมเพย์อื่น ทั้งการโอนเงินเข้าออกแบบทันที ไม่มีค่าธรรมเนียมถ้าไม่เกิน 5,000 บาท และไม่มีขั้นต่ำ
ซึ่งจากการสำรวจพบว่าแอพบนมือถือของหลายธนาคาร มีเมนู “เติมเงินพร้อมเพย์” หรือ “เติมเงิน e-wallet” แล้ว ซึ่งก็สามารถใช้งานได้ทันที
แต่บนหน้าเว็บนี่แหละที่เป็นปัญหา!
เพราะการเติมเงินหรือโอนเงินบนหน้าเว็บ หลายธนาคารต้องเพิ่มผู้ให้บริการก่อน ซึ่งแน่นอนว่าไม่สะดวกสำหรับการโอนรายครั้ง
รวมทั้งเมนู บางธนาคารเอาไปใส่ไว้ใน “เติมเงิน” บางธนาคารใส่ใน “โอนเงิน” บางธนาคารก็ไม่มีเมนูนี้เลย!
ก็คงต้องให้เวลากันต่อไป เพราะมันเป็นแค่การเริ่มต้น
ซึ่งพอลองสรุปเป็นข้อๆ ดู ก็มีข้อน่าสนใจและข้อสังเกตเหมือนกัน
ก็ต้องดูต่อไปว่าโครงการ National e-Payment ของรัฐบาลที่ตั้งอกตั้งใจผลักดันกันจะสำเร็จได้แค่ไหน? จะพัฒนาเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้หรือเปล่า? และความกังวลเรื่องภาษีของหลายๆ คน (ที่ยังไม่กล้าใช้พร้อมเพย์) จะเป็นจริงไหม?
ก็ต้องดูกันต่อไปนะฮะ…
Tags: e-payment
ด่วน 3GX จะปรับปรุงระบบ 22 ต.ค. 59 ซึ่งอาจกระทบต่อการใช้งานเลขหมายของท่าน กรุณาติดต่อ 025765599
ข้อความนี้(เชื่อว่า)ผู้ใช้งาน i-mobile 3GX หลายๆ คนน่าจะได้รับ ซึ่งด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่น่าจะเป็นปัญหาที่ใหญ่โตพอสมควร จึงต้องมีการส่ง SMS บอกแบบนี้
เอาล่ะ ประจวบเหมาะกับที่มีปัญหาเรื่องซิมโดนตัดพอดี โทรไปถามสักหน่อย
Call Center ของ Open (อย่าลืมว่า i-mobile เปิด MVNO อยู่ 2 เจ้า คือ 3GX กับ OPEN ที่ก็ลูกผีลูกคนเหมือนกัน) บอกว่าจะมีการปรับปรุงระบบ ทำให้เบอร์เดิมไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นมี 2 ทางให้เลือก
เอาละสิ ใจก็อยากให้ 3GX เพราะมันเป็นเครือข่ายสำรองจริงๆ เวลาไปสถานที่ที่เครือข่ายมักเต็มบ่อยๆ เน็ตจะวิ่งฉิวมาก (ซึ่งไม่รู้เข้ายุค 4G แล้วยังมีปัญหานี้อยู่ไหม ไม่เคยไปงานคนเยอะๆ สักที) กับโปรโมชั่นที่เร้าใจเหลือเกิน
เนื่องจากเบอร์เก่าเป็นเลขตองท้ายด้วย (ซื้อซิมพร้อมเติมเงินตั้งพันนึงแหนะ) เลยขอ CC ว่าอยากได้เป็นเลขตองเหมือนเดิม แล้วก็กำหนดเลขไปให้ด้วย
ต้องรอดูผลต่อไปว่าจะได้หรือไม่ได้อย่างไร (แต่ไม่น่าจะได้หรอก เบอร์ที่ต้องการหนะ!)
แต่ว่าไป เพราะอะไรถึงใช้คำว่า “ปรับปรุงระบบ” แต่บังคับต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ทำไมจึงไม่สามารถนำเบอร์ที่มีย้ายมาใช้งานกับระบบ(ที่อ้างว่า)ใหม่ซะเลย
เลขหมายของ i-mobile มีแต่หมวด 06 แต่เบอร์ที่จะเอามาให้ใหม่ยังเป็นหมวด 0893 ซึ่งจากการตรวจสอบเบอร์บางส่วนเป็นของ TOT และบางส่วนเป็นของ DTAC
แสดงว่าเบอร์ที่จะเอามาให้ใหม่ยังเป็นของ TOT เหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นจะต้องเปลี่ยนให้ใช้เบอร์ใหม่ทำไม
นี่ก็คงเป็นคำถามที่ไม่ทราบคำตอบต่อไป…
Tags: i-mobile3gx, tot
ครบรอบ 1 ปีกว่าๆ อย่างเป็นทางการของการออกอากาศโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล (ดิจิตอล ตามการใช้ของ กสทช.)
ช่วงนี้ก็มีประเด็นร้อนๆ ของผู้ให้บริการบางเจ้าที่จะไม่จ่ายค่าใบอนุญาตที่ประมูลมาด้วยมูลค่ามหาศาลเมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมา
แต่เอ๊ะ แล้วเงื่อนไขของการจ่ายค่าใบอนุญาตมันเป็นอย่างไรล่ะ? มาดูกัน
ก่อนอื่นต้องมาดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการประมูลนี้ว่าเป็นอย่างไร
ประกาศที่เกี่ยวข้องกับการประมูลนั่นคือ ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556 ซึ่งได้กำหนดการจ่ายเงินค่าใบอนุญาตเอาไว้เป็น 6 งวด ได้แก่
แต่ละงวดห่างกัน 1 ปี โดยอายุของใบอนุญาตอยู่ที่ 15 ปี (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
นอกจากนี้ยังมีค่าเช่าโครงข่าย (MUX) และค่าธรรมเนียมเข้ากองทุน กทปส. (ที่โดน คสช. ยึดไปเรียบร้อย แฮ่)
เอาเป็นว่า มาดูตารางรวมเลยดีกว่าว่าแต่ละช่องต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเท่าไหร่
ส่วนแต่ละเจ้า จะจ่ายครบตามนี้หรือไม่
มันก็แล้วแต่ผู้ประกอบการแต่ละเจ้าจะเลือกทางเดินนะครับ!
Tags: ทีวีดิจิตอล
หลังจากงาน f8 Facebook ก็มีของเล่นใหม่ขึ้นมากับหน้า Profile อีกแล้ว
มันก็คือ Timeline นั่นเอง
ตอนนี้ก็ลองมาจิ้มๆ เล่นๆ ดูล่ะ ลองไล่ประเด็นที่พอคิดได้บ้างดีกว่า
นึกไม่ออกล่ะ เดี๋ยวค่อนต่อภาคสองแล้วกัน
ว่าแต่ กี่เรื่องแล้วที่มึงบอกจะต่อภาคสองแล้วไม่เคยมาต่อ???
ปล.ดูในคลิป มีภาพตั้งแต่ 1974 เอ่อ 1974 มี Facebook แล้วเหรอครับ??? (อย่าว่าแต่ Facebook เหอะ อีตาซักมันยังไม่เกิดเลย!) มันเข้าไปแก้ไขอดีตได้นี่เอง โธ่…
Tags: facebook
หลังจากเห็นบล็อกคนอื่นเขามีลูกเล่นใหม่ๆ เพียบเลย
เว็บเราก็ต้องมีการปรับปรุงกันบ้าง เดี๋ยวจะตกรถไฟกัน?
ทำให้ถ้าคุณใช้บริการของ Disqus อยู่แล้ว ก็สามารถล็อกอินเข้าระบบได้ทันที ทำให้สามารถติดตามคอมเมนต์ได้ง่ายขึ้น
ส่วนด้านเนื้อหา ก็จะพยายามมาอัพให้มากขึ้น (บางเรื่องมีอารมณ์เกิดขึ้น แต่ก็ทำแค่ทวีตไป ทั้งๆ ที่สามารถอัพเป็นเรื่องได้)
หรือว่าอายุมากขึ้น อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป (แต่เรื่องปากหมายังน่าจะคงเดิมนะ)
อ่อ มีอีกอย่าง ติดตามเรื่องราวในบล็อกนี้จาก Facebook ก็ได้นะจ๊ะ
อย่าลืมติดตามล่ะคะ!
ปล.ตกลงกูจะเป็นชายหรือหญิงดีเนี่ย?
หลังจากที่อยู่บ้านหลังเดิม (openfreehost) มาเกือบจะครบปีแล้ว ก็รู้สึกว่าต้องมีการขยับขยายอะไรบ้างแล้ว (ทั้งๆ ที่บล็อกก็สุดแสนเงียบเหงาอยู่แล้วนี่หว่า…)
ก็เลยจะทำการหาบ้านใหม่ จนสุดท้ายก็มาอยู่ที่ tangmohosting ด้วยสัญญา 2 ปี
กว่าจะเซ็ตค่าอะไรเรียบร้อยก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
หวังว่าคราวนี้บ้านใหม่คงจะไม่มีปัญหาอะไรนะจ๊ะ…
หลังจากที่ไม่ได้พร่ำเพ้อมาพอสมควร งวดนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะบอกเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในบล็อกเล็กน้อย
เริ่มเลยดีกว่า เดี๋ยวลืม
โครงการต่อไป ก็คงจะทำการย้ายโฮสด้วย แต่จะเป็นที่ไหนก็อีกเรื่องนึง?
แล้วเรื่องที่จะมาประกาศให้ทราบก็มีเพียงเท่านี้?โปรดอ่านอีกรอบหนึ่ง
เมื่อกี๊กำลังนั่งเซ็งๆ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี๊
คือกำลังจะเอา SD Card ที่ถ่ายรูปไว้ร่วมๆ 500 รูป (ตั้งแต่ตอนไปกรุงเทพฯ) มาลงเครื่อง
ก็ใช้วิธีปกติอย่างที่เคยทำตลอด คือ Cut/Paste
ปรากฏว่าเห็นมันใช้เวลานานเกินไป เลยคิดว่า End Task สักหน่อยเหอะ เหมือนเครื่องมันจะค้างด้วย พอ End Task ปุ๊บ งานเข้าเลยครับพี่น้อง
เมมการ์ดขึ้น ?การ์ดบกพร่อง? เอาใส่คอมก็ไม่เจอ พอฟอร์แมตก็เหลือขนาดแค่ 1.4 GB หายไปไหนก็ไม่รู้?
รูปที่ถ่ายที่กรุงเทพฯ ตอนไปแข่งเพชรยอดมงกุฎ,รูปที่พี่ถ่ายมา,รูปที่ถ่ายวันไปทัศนศึกษาในมข. หายเรียบ!!! (ยังดีที่ก่อนหน้านี้ใช้โปรแกรมกู้รูปในเมมมาได้หน่อยนึง กับกูรอบนี้ได้คืนมา นิดนึง)
เหตุการณ์นี้ทำให้ได้บทเรียนหลายอย่างเลยครับ เช่น
สุดท้าย เอาภาพไอ้ตัวแสบให้ดูก่อน ก่อนที่จะได้หักทิ้ง (หักทำไมวะ ประกันยังมี ลองเอาไปเคลม ถ้าไม่ได้ค่อยหักแม่งเลย!)
เมื่อวานได้เมล์ที่ส่งมาจากพนักงานของ CRG (ที่คงจะส่งมาให้สมาชิกร้านอานตี้ แอนส์ ละมั้ง) มาว่าอย่างนี้ครับ
ก็แจ้งให้ทราบนะครับ ว่าวันที่ 25 กรกฎา สิบโมงถึงบ่ายสอง
อานตี้ แอนส์จะมีการแจกเพรทเซล (ออริจินอล กับสโนว์เพรทเซล) ฟรีทุกสาขา (ยกเว้นตามที่เขียน) นะครับ
ก็ลองคิดดูแล้วกัน ว่ามันจะคุ้มหรือเปล่า แต่ถ้าได้ไปห้างไหน ก็ลองแวะไปดูได้นะครับ
——————————————-
แต่ดูจากเมล์ที่ส่งมาให้แล้ว ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องใช้รูปภาพ มีวิ้งๆ มากมาย จนดูไม่เหมือนเมล์ที่ส่งมาจากบริษัท
หรือจะบอกว่า ต้องการสร้างความเป็นกันเองกับลูกค้า
แต่ผมว่า ทำเมล์อย่างนี้ มันดูไม่น่าเชื่อถือนะครับ?
Tags: anntie annes, pretzel, ฟรี, อานตี้ แอนส์, เพรทเซล