แน่นอนว่าหลายคนคงมีหลายความรู้สึก หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยในกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
หลายคนดีใจ
หลายคนเฉยๆ
หลายคนก็ไม่พอใจ
ผมว่ากรณีหลังเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะครับ
และจะยิ่งน่ากลัวกว่า ถ้ามีการนำความไม่พอใจ ไปขยายผลด้วยการตัดตอนคำวินิจฉัยไปเปรียบเทียบกับคำวินิจฉัยเก่าๆ โดยเฉพาะการยุบพรรคการเมืองใหญ่ๆ ในอดีต มาจุดชนวนความขัดแย้งอีกครั้ง
และผมเริ่มเห็นเค้าลางนั้นแล้วครับ!
—————————————–
วันนี้ ผมเห็นหัวข่าวนี้มาจากทวิตเตอร์ของผม
“แฉอายุความคดียุบพรรคเก่าๆ “เกิน 15 วัน ทุกคดี””
เข้าไปอ่านแล้วก็พบว่า เป็นเว็บไซต์ที่มีความคิดเห็นสนับสนุนแนวทางของ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยมีการนำตารางจากเว็บไซต์มติชน มานำเสนอ
และพยายามชี้ให้เห็นว่า กรณียุบพรรคในอดีตนั้น มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยภายหลัง 15 วันทั้งหมด แต่เหตุใดศาลจึงไม่นำเรื่องนี้มาพูดถึง
——————————————
เมื่อลองไปดูที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ (รวมถึงตุลาการรัฐธรรมนูญ) ก็จะพบข้อเท็จจริงดังนี้
– ในคำวินิจฉัยที่ผ่านมา พบว่าพรรคการเมืองที่ถูกยุบ กระทำความผิดตามมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 “มาตรา 94 และ 95 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550”
สังเกตการเน้นนะครับ
เมื่อลองไปดูในมาตรา 94 และ 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ บัญญัติไว้ว่า
“มาตรา ๙๔ เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง
(๑) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือกระทำการตามที่รัฐธรรมนูญให้ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยวิธีการดังกล่าว
(๒) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
(๓) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
(๔) กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
…
มาตรา ๙๕ เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและได้ตรวจ สอบแล้วเห็นว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา ๙๔ ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งต่ออัยการสูงสุด พร้อมด้วยหลักฐาน เมื่ออัยการสูงสุดได้รับแจ้งให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในสาม สิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการสูงสุดเห็นสมควร ก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงาน ขึ้นคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้อง ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แต่งตั้งคณะทำงาน ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจยื่นคำร้องเอง
…”
สังเกตว่า “ไม่มีการระบุกำหนดเวลาที่นายทะเบียนพรรคการเมือง” ส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป (มีแต่เพียงการกำหนดเวลาให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้เสร็จ
– ส่วนกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เป็นความผิดตามมาตรา 82 ประกอบมาตรา 42 เป็นเหตุให้ยุบพรรคตามมาตรา 93 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550”
มาตรา 82 บัญญัติไว้ว่า
“มาตรา ๘๒ พรรคการเมืองที่ได้รับเงินสนับสนุนต้องใช้จ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในส่วนนี้ และส่วนที่ ๕ การใช้จ่ายของพรรคการเมือง และจะต้องจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทิน ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง และยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป และให้นำความในมาตรา ๔๒ วรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม
(มาตรา ๔๒ วรรคสอง) เมื่อครบระยะเวลาการรายงานตามวรรคหนึ่งแล้ว หากพรรคการเมืองใดยังไม่ได้รายงานให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้หัวหน้าพรรค การเมืองรายงานภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าพ้นกำหนดระยะเวลาแล้วยังมิได้รายงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเพื่อให้มี การยุบพรรคการเมืองนั้น”
ส่วนมาตรา 93 บัญญัติไว้ว่า
“มาตรา ๙๓ ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีเหตุต้องเลิกตามข้อบังคับพรรคการเมืองแต่พรรคการเมืองนั้นยังมีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ หรือในกรณีที่พรรคการเมืองใดไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๒ ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น
เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ความปรากฏต่อนายทะเบียน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองตามคำร้องของนายทะเบียน ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น
…”
สังเกตว่า “มีการระบุระยะเวลาที่นายทะเบียนพรรคการเมือง” จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ คือต้องส่งใน 15 วัน หลังจากความปรากฏ
และนี่เอง ที่เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมาว่า “พ้นระยะเวลาในการยื่นคำร้อง” และทำให้พรรคประชาธิปัตย์รอดในคดียุบพรรคครั้งนี้
——————————————
อย่างที่บอกไว้แล้วล่ะครับ สิ่งที่น่ากลัวก็คือ “การนำข้อมูลหลายๆ อย่าง มาอย่างละเล็กละน้อย ประติดประต่อเป็นข้อมูลเท็จ” ทำไปเผยแพร่และ “ปั่นหัว” ให้เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง
หวังว่า สื่อมวลชน รวมทั้งหน่วยงานที่เกียวข้อง จะต้องเผยแพร่แง่มุมทางกฎหมาย รวมถึงอธิบายคำวินิจฉัยนี้ให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจ
ไม่เช่นนั้น วิกฤตการเมืองครั้งใหม่ คงเกิดอีกไม่ไกลแน่นอนครับ!
(เผยแพร่ทาง http://www.oknation.net/blog/kasemsakk/2010/11/30/entry-3)
Tags: ประชาธิปัตย์, ยุบพรรค, ศาลรัฐธรรมนูญ
“ทำไมจึงเลือกใช้สีแดง”
เพราะว่ามันตรงข้ามกับสีเหลือง ไม่มีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้นเลย ความจริงเราพยายามเลือกสีอื่น แต่ไม่มีสีไหนเด่นเท่ากับสีแดง แต่มีเหตุผลลึกๆ อีกประการหนึ่งคือว่า คนผิวดำมักจะชอบสีแดงรายงานเสวนา: ?ความจริงวันนี้? ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย
โอ้ ความรู้ใหม่ครับ สีแดงตรงข้ามสีเหลือง
จากวงล้อสี ชัดเจนนะครับ
สีที่ตรงข้ามสีเหลือง มันคือสีม่วงต่างหาก
– หรือกลัวสีม่วงมันไม่เด่น
– หรือว่ากลัวโดนครหาว่าเป็นพวกสีม่วง (ฮาเลยนะ ถ้าเป็นจริงๆ)
– ที่บอกว่า ไม่มีอะไรลึกซึ้ง แน่ใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
มั่วจริงๆ พวกนี้เนี่ย…
ให้ยุบคนอุดรทิ้งเหรอครับ? (สงสัยให้ยุบไปเข้าเป็นพลเมืองประเทศทักษิณมั้ง หุหุ)
พ่อและแม่ที่คุณพูดถึง หมายถึงใครครับ!!! (สังเกตการใช้สี เหมือนจงใจอะไรบางอย่าง แล้วตำรวจหายไปไหน!)
จากการที่พันทิปราชดำเนิน มีกระทู้ “ช่วยกันแจ้งรายชื่อห้างร้านที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตร” เพื่อจะได้แบนถูก
ล่าสุด พบอีก 1 เจ้าแล้วครับ
นปช. ช่วยๆ กันแบนด้วยนะเออ…
Tags: AIS, การเมือง, ความจริงวันนี้, นปช, สี
ลาวเปิดบริการโครงข่ายมือถือ 3G แล้ว
พาดหัวจาก Blognone เมื่อคลิกเข้าไปดูในเนื้อข่าวก็จะได้ใจความประมาณว่า
“บริษัท ลาว โทรคมนาคม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว (สปป.ลาว) ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ในการเปิดให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 หรือ 3G ภายในประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว”
และเมื่ออ่านจากความเห็นใต้ข่าว มีการประชดประชัด เสียดสีถึงบางประเด็น
อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ (บวกปี๊ดขึ้นแฮะ…)
เพราะอะไร
-บางคนบอกว่า เหลือไทยกับพม่าืีที่ยังไม่มี
-บางคนบอก อายลาวไหม เขายังมีเร็วกว่าเมืองไทยเลย
-บางคนยังแถอีก เพราะคนที่อยู่ทำเนียบนั่นแหละ ทำให้ไม่มาสักที (อ้าว เสือกลากเข้าไปเกี่ยวเฉยเลย…)
ในความคิดผม
ผมคิดว่า การที่เมืองไทยไม่มีการให้บริการ 3G สักที เพราะอะไร (เพิ่มเติม…)
จดหมายจากใจตำรวจ
เรียนผบ.ตร. ผบช.น. รองผบช.น. เราทราบดีว่า พวกท่านเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่
ไม่เคยโกหกพกลม พูดอะไรจริงใจเสมอจากข้อเท็จจริง ไม่เคยสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
ไล่ยิงประชาชน ที่ไม่มีทางสู้ ไม่ว่าเด็ก ผู้หญิง หรือคนแก่ แม้กระทั่งผู้ไม่มีอาวุธในมือ
เพราะพวกท่านคำนึงอยู่ในใจเสมอว่า ประชาชน คือนาย ของท่าน ดังนั้น แม้แต่
ผู้ที่ยกมือไหว้ หรือแม้แต่หน่วยพยาบาลที่เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ ท่านก็จำเป็นที่จะต้อง
ดูแลรักษา ให้ความช่วยเหลือ เพราะเขาเหล่านั้น ก็คือประชาชน คือคนที่ไม่สมควร
ฆ่าให้ตาย ให้ได้รับบาดเจ็บ แขนขาขาด หรือถึงพิการเสียชีวิต เพราะตระหนักเสมอว่า
พวกเขาเหล่านั้น ล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น การที่หลายฝ่ายพากันกล่าวตู่ว่า
ตำรวจอย่างท่านคือเหล่าทรราช คอยรับใช้ และรับคำสั่งเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น
ล้วนไม่เป็นความจริง พวกท่านไม่เคยเป็นเช่นนั้น พวกท่านไม่เคยได้ชื่อว่าเป็น
ตำรวจสามานย์ ตำรวจอัปรีย์ ตำรวจจัญไร เฝ้าบ่อน เฝ้าซ่อง ดองคดี หรือจับแพะ
สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกท่านถูกใส่ร้าย แต่เพราะท่านเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
เป็นสิ่งที่ท่านภาคภูมิใจ เพราะไม่มีหน่วยงานไหนทำได้ดีเท่าพวกท่านเหล่าสีกากี
การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่าน ข้อเท็จจริงได้ประจักษ์ทางสังคมแล้วว่า
การยิงแก๊งน้ำตา การรุกคืบกดดันให้ม็อบถอยร่นไป ตำรวจได้ปฏิบัติการ
ตามหลักสากลทุกประการ ไม่มีผิดเพี้ยน การที่สื่อมวลชนมากล่าวหาท่านว่า
ยิงใส่ตรงๆ อย่างไม่ยั้ง ชนิดมันมือ เล็งปืนใส่ตัวผู้ชุมนุม หวังให้บาดเจ็บล้มตาย
ล้วนเป็นการใส่ความพวกท่านทั้งสิ้น เรื่องเหล่านี้ ไม่เคยมีอยู่ในใจตำรวจ เพื่อ
พวกท่านจะได้เสวยสุข บนกองเลือดของประชาชน มียศ และมีตำแหน่งสูงขึ้น
เรื่องแบบนี้ ท่านไม่ทำแน่นอน เพราะเป็นสิ่งชั่วร้าย อีกสิ่งที่พวกท่านไม่ทำคือ
การจับกุม และยัดข้อหาต่างๆที่พอจะหาได้ใส่แกนนำพันธมิตรฯนั้น
ไม่ได้มีการดำเนินการเป็นจริงเป็นจังตามที่ถูกสังคมประณาม แต่
เมื่อมีจังหวะเหมาะๆ คงไม่ปล่อยไว้แน่ เพราะ
ตำรวจต้องทำตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ได้เป็นไปตามคำกล่าวหาว่า
ตำรวจคือทาสรับใช้นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ที่คอยรับเศษเงินไปวันๆเท่านั้น
วิธีการอ่าน (spoil) : อ่านเว้นบรรทัด นับจากบรรทัดแรก…
ที่มา : เว็บเสรีไทย (มาจาก manager อีกที…)
ผมรู้ครับ ว่าท่านต้องรับแรงกดดันมากมายจากหลายด้าน
ทั้งจากทำเนียบ ทั้งจากเขมร ทั้งจากลอนดอน และจากหลังบ้านข้างเตียงท่าน
นอนคืนไหน เหมือนจะหลับไม่ลง
บริหารประเทศยังไง ก็เจอทางตัน
ให้ตำรวจสลายม็อบ ก็ดันไปทำคนตาย เจ็บอีก
ผมรู้ว่าท่านเหนื่อยครับ (ดูจากหน้าตาก็รู้)
ฉะนั้น ขอมอบกำลังใจให้ท่าน ด้วย
เอ๊ะ หรือจะเอาเป็นอันนี้แทนดี…
อีกอย่าง ว่างๆ เดี๋ยวซื้ออันนี้ส่งไปลอนดอนดีกว่า เป็นของขวัญพิเศษ