msgbartop
เรื่อยๆ เปื่อยๆ กับ kasemsakk
msgbarbottom

02 ก.ย. 11 ความขัดแย้งของตนเอง

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรครับ เกิดความรู้สึกขัดแย้งภายในตนเองขึ้นมาซะอย่างนั้น…

จริงๆ ความขัดแย้งมันก็เกิดขึ้นมานานล่ะ เพียงแต่ไม่ได้สรุปออกมาเป็นตัวอักษรยาวๆ แบบนี้เท่านั้น

ไหนๆ ก็ไหนๆ ล่ะ เก็บไว้นานๆ มันก็จะระเบิดออก ก็ระบายทางนี้แล้วกัน (เผื่อให้คนมาด่าให้มันเกิดสติบ้าง)

ไล่มาเป็นข้อๆ เลยดีกว่า

  • เรื่องเพื่อนต่างเพศ พอเข้ามาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ก็จะมีกฎหนึ่งคือการรู้จักให้เกียรติกับเพศตรงข้าม เช่น ไม่เข้าไปแตะเนื้อต้องตัวก่อน พูดจาสุภาพเรียบร้อย ฯลฯจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ (แล้วทำไมยังรู้สึกขัดแย้งล่ะ?)

    คือมันเกิดความรู้สึกที่ว่า เพื่อนตอนมัธยม กับเพื่อนตอนมหาลัย มันมีพฤติกรรมที่แสดงออกไม่เหมือนกัน

    ความรู้สึก และพฤติกรรมที่แสดงออกไปต่อกลุ่มเพื่อนทั้งสองมันแตกต่างกัน (เกือบๆ สิ้นเชิง)

    ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่ให้เกียรติชาวบ้านนะครับ แต่ว่าพอการกระทำมันไม่เหมือนกัน แล้วมันรู้สึกขัดๆ ตัวเอง ไม่เข้าใจเหตุผล

    จะบอกว่ากลุ่มเพื่อนที่คบมันอยู่ต่างช่วงอายุกัน อันนี้ก็อาจมีส่วน แต่การแสดงออกบางอย่างมันไม่เกี่ยวกับอายุหนิ

    หรืออาจเพราะความสนิทกับกลุ่มเพื่อนทั้งสองกลุ่มมันต่างกัน? การแสดงออกเลยไม่เหมือนกัน?

    น่าคิดนะ…

    (พิมพ์ถึงเรื่องนี้พาลให้คิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เหมือนต่างกันไป เหมือนไม่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะนิสัยหรือบุคลิก การพูดคุย แต่เป็นเพื่อนกันเพราะผลประโยชน์บางอย่างมากกว่า)(เหมือนว่าเพื่อนที่พบเจอ คุยกันได้ไม่สนิทใจเหมือนเก่า?)

  • เรื่องลำดับชั้นปี จริงๆ มันเหมือนมีความคิดอะไรฝังอยู่ในสมองบางอย่างว่า “พวกเรียนก่อนเกณฑ์มันเอาเปรียบสังคม” (ขออภัยถ้ากระทบหลายๆ คน) ยิ่งเข้ามหาวิทยาลัยอาการนี้ยิ่งหนักอาจเพราะตัวเองเป็นนักเรียนที่เรียนตามเกณฑ์ แล้วเห็นคนที่เกิดพ.ศ.เดียวกันเป็นพี่แล้วรู้สึกต่อต้านเล็กๆ

    คงเป็นที่ความอิจฉา อยากได้อยากเป็นด้วย

    หรืออาจจะเป็นเหตุผลเรื่องความเคารพ ที่รุ่นน้องต้องเคารพรุ่นพี่ (แต่แม่งอายุเท่ากูเนี่ยนะ ทีเพื่อนอายุมากกว่ามึงกูยังเป็นเพื่อนมันได้เลย…)

    บางคนก็บอกว่าอายุไม่สำคัญเท่าวุฒิภาวะ มันก็จริง แต่จะเอาอะไรล่ะวัดวุฒิภาวะ ไม่มีอะไรที่เป็นมาตรฐานได้เลย

    อาจเป็นเพราะยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องอายุมากเกินไปล่ะมั้ง (ด้วยความคิดที่ว่า บ้านเมืองเราเอาอายุเป็นเกณฑ์ในการทำอะไรหรือไม่ทำอะไรนี่หว่า…)

    และนี่แหละครับ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไม่อยากซิ่ว…

ตอนนี้มี 2 เรื่องหลักๆ นี่แหละที่ยังขัดแย้งในใจ หาคำตอบแน่นอนไม่ได้จริงๆ

จะมีใครมาตีหัวให้ผมคิดได้บ้างครับ?

Tags: ,

06 เม.ย. 11 ซิ่ว?

ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยกันของเด็กม.6 ปีนี้อีกแล้ว

รวมทั้งเด็กที่พลาดหวัง หรือต้องการแก้ตัว ขอคัดเลือกเข้าคณะที่ตัวเองต้องการอีกครั้ง

หลักจากที่ตัวเองหลีกหนีความไม่แน่นอนในอนาคต โดยเลือกคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ โดยวิธีรับตรง (ทั้งๆ ที่กูอุตส่าห์เลือกต่อจากเศรษฐศาสตร์กับบริหาร) แทนที่จะเอาเศรษฐศาสตร์ มธ. ที่เหมือนว่าจะอยากเรียนในคณะนี้มากกว่า แต่ดันอยากไปตลาดสามย่านมากกว่าตลาดไทซะอย่างนั้น (ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่เลือกตลาดสามย่าน เฮ้อ)

———————————————————

หลังจากที่ผ่านไปเกือบ 1 ปี กับคณะนิเทศศาสตร์

ความรู้สึกที่เข้าไปช่วงแรกๆ บอกกับตัวเองเลยว่า “กูจะซิ่วแน่” เพราะสภาพในเทอมแรกที่เข้าไป มันไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้กับตอนแรกเลย

รวมทั้งเพื่อน รุ่นพี่ กิจกรรมและวัฒนธรรมบางอย่างที่อยู่ภายใน มันทำให้ไม่มีความสุขเลยที่จะอยู่ในคณะ

พอผ่านมาเทอมสอง เหมือนมันมีอะไรบางอย่างที่บอกกับตัวเองว่า “เฮ้ย มึงไม่ต้องซึ่วหรอกว่ะ”

มันอาจจะเป็นความกลัว อาจจะเป็นความเคยชิน หรืออาจจะเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความคิดนี้ขึ้นมา

———————————————————

แต่พอเวลาผ่านมาถึงตอนนี้ มีกระแสหลายทางเหลือเกินที่อยากให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในการเรียนมหาวิทยาลัย

กระแสกดดันภายนอกมันส่งผลถึงจิตใจว่า “เอ๊ะ จะเอายังไงกับชีวิตดี”

———————————————————

ไหนๆ ก็ไหนๆ มาดูข้อดีข้อเสียในการซิ่วกับไม่ซิ่วดีกว่า

ซิ่ว

ข้อดี

  • กลับไปเริ่มต้นชีวิตปี1 ใหม่ ย้อนไปทำสิ่งที่ไม่ได้ทำ
  • ลองตั้งหลักชีวิตตัวเองอีกสักครั้งว่าใช่หรือไม่
  • มีโอกาสได้พบกับเพื่อนใหม่ๆ ที่อยู่ต่างคณะ

ข้อเสีย

  • ไม่มีหลักประกันว่าหากซิ่วแล้วจะไม่เจอกับปัญหาเดิมๆ (สังคม วัฒนธรรม การเรียน)
  • ไม่อยากที่จะเรียกเพื่อนรุ่นเดียวกันว่าพี่ (อันนี้เป็นปัญหางี่เง่าส่วนตัวล้วนๆ)
  • หากไปแล้วมันไม่ใช่ อาจทำให้หมดความมั่นใจในการเรียนมหาวิทยาลัยได้
  • ไม่อาจกลับไปทำในสิ่งที่อยากทำได้ทุกอย่าง

ไม่ซิ่ว

ข้อดี

  • อยู่กับเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่นี่ต่อไป
  • ………

ข้อเสีย

  • ต้องทนฟังเสียงกดดันจากชาวบ้านไปเรื่อยๆ
  • สิ่งที่ได้รับอาจไม่สามารถนำไปใช้ในอนาคตได้
  • เสียโอกาสบางอย่างไปแบบไม่สามารถย้อนกลับมาได้

———————————————————

สรุปสุดท้าย

ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะ

  • ความไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้วหรือไม่ ยังสองจิตสองใจ เสียดายในสิ่งที่ผ่านไปอยู่
  • การปรับตัวเอง ที่ไม่ยอมเข้าหาสังคม ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วอยากเข้าไปทำความรู้จัก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงใช้วิธีการหลีกหนีแทน

สุดท้าย คนที่จะตัดสินใจในชีวิตต่อไป คือ ตัวกูเอง

ฉะนั้น เลือกได้แล้วนะโว้ย!!!

Tags: , ,

25 ส.ค. 10 ร่ายเรียงความรู้สึกไปเรื่อย

อยากเขียนบล็อกที่ระบาความรู้สึกที่ผ่านมาสักที แต่ก็ไม่มีโอกาส ได้แค่พล่ามลงไปใน Twitter ไปเรื่อยๆ ไม่ได้แก่นสารอะไร

ไหนๆ ก็ไหนๆ หาเวลา + อารมณ์ปลีกตัวมาเขียนได้แล้วก็นะ เริ่มเลยดีกว่า

– เปิดเทอมมาได้เกือบๆ 3 เดือนล่ะ ในรั้วมหาวิทยาลัยนี่ก็มีอะไรน่าทำเยอะแยะเลยนะ แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ได้ทำสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เวลามันก็พอมีนะ 
  อาจเป็นเพราะความขี้เกียจ หรือมีอะไรบางอย่างที่ปิดกั้นโอกาสนั้นไป?

– สิ่งที่อยากทำอย่างนึงก็คือการเข้าไปทำความรู้จักเพื่อนต่างคณะสักหน่อย เพราะจริงๆ ตึกเรียนนั้นก็ไปอาศัยหยิบยืมชาวบ้านเขาหมด (ทั้งตึกมหิตลาธิเบศร ตึกพินิจประชานาถ ไม่ใช่ตึกคณะตัวเองทั้งนั้น…) เจอนิสิตคณะอื่นเขาผูกเน็กไท ใส่รองเท้าขาวมีถุงเท้าก็อยากเข้าไปคุยบ้าง (ไม่ได้ม่อนะโว้ย!) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี…
   หลายคนก็บอกว่าการเข้าชมรมก็เป็นหนทางดีในการทำความรู้จักกับเพื่อนต่างคณะ แต่ช่วงที่เปิดชมรมก็ดันไม่ได้ไปดูซะนี่… (เพราะอะไรเดี๋ยวเขียนต่อ) ไอ้ที่เจอๆ กันริมทางจะเข้าไปทักก็เดี๋ยวเขาจะตกใจ หรืองงว่ามึงจะมาทำอะไรกู เพื่อนในห้องเรียนวิชาเรียนรวมก็อยากไปคุยนะ แต่ก็เหมือนเดิมว่ามันไม่กล้าเข้าไป
   ยังดีที่ได้เข้าชมรมสภานิสิต (ไหนบอกเข้าไม่ทันไง?) ก็เลยพอมีเพื่อนอยู่ครุบ้าง อยู่บริหารบ้าง รวมทั้งเพื่อนที่เคยคุยกันในเน็ตกับที่เคยเจอตอนไปเข้าค่าย ก็ยังดีที่มีเพื่อนบ้างนิดหน่อย (ถึงแม้โอกาสในการคุยจะน้อยเหลือเกิน)
   สรุป จะทำยังไงดีหว่า…

– เรื่องต่อมามาพูดถึงคณะดีกว่า เข้ามา 3 เดือนกว่าๆ (รวมปิ๊ดปิ้ว) ก็ได้ทำความรู็จักเพื่อนไปเยอะอยู่ รุ่นพี่ด้วย แต่ก็เหมือนกัน มันก็เหมือนแค่รู้จัก ไม่ได้คุย ไม่ได้สนิทอะไรด้วยมากเท่าคนอื่น
   เวลาเห็นเพื่อนคนอื่นเขาคุยกันสนุกสนาน ก็อยากเข้าไปร่วมวงด้วย จริงๆ แล้วมันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่เวลาส่วนใหญ่ก็มาอยู่กับตัวเองมากกว่า
   บางเวลามันก็อยากจะมีใครบางคนมาอยู่ข้างๆ เหมือนกันนะ ยิ่งเวลาเห็นเพื่อนผู้หญิงเขาสนิทสนมกัน กอดกันนี่ยิ่งรู็สึกหนักไปกันใหญ่…
   พูดถึงกิจกรรมในคณะบ้าง จะว่ามันเยอะไหมก็ไม่เยอะนะ แต่ว่ามันเป็นกิจกรรมใหญ่เท่านั้นเอง มันก็คือละครเวทีนั่นแหละ เตรียมการมานานตั้งแต่เปิดเทอม มาเริ่มต้นจริงจังก็หลังห้องเชียร์ แล้วก็เรื่อยมา กิจกรรมใหญ๋ก็เป็นสิ่งที่วัดได้เหมือนกันในเรื่องของการจัดสรรเวลา บางคน (เช่นกู) จัดสรรเวลาไม่ดี แบ่งเวลาไม่ถูก ก็พาลทำให้การเรียนเสียตามไปด้วย (โถ…พ่อคนขยัน ถุย!) เป็นปัญหาใหญ่เลยล่ะ

จริงๆ มันก็อยากเขียนต่ออีกหล่ะนะ แต่แม่งขี้เกียจอีกแล้ว! แล้วอารมณ์ในการเขียนก็ดันหมดอีกแล้วนะสิ

เมื่อไหร่อาการแบบนี้มันจะหายไปสักทีวะ!

Tags: ,

08 พ.ค. 10 ประกาศสำหรับนักเรียนม.6 ปีการศึกษา 2552 แก่นนครวิทยาลัย

ขณะนี้ได้จัดทำไฟล์รวบรวมผลการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในระบบกลาง (Admissions) เรียบร้อยแล้ว

ขอเชิญพี่น้องชาวแสดดำ (หรือคนอื่นก็ได้) ที่สนใจ เชิญดูและดาวน์โหลดได้ที่โลโก้ข้างล่าง

image 

โปรดเผยแพร่และส่งต่อด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง (เพราะกูทำโคตรเหนื่อย?)

 

ขอบคุณครับ?

Tags: , ,

26 มี.ค. 10 O-NET ของกู…

หลังจากวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาก็เป็นวันที่เด็กม.6 หลายแสนคนรอคอย

นั่นก็คือวันประกาศผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) นั่นเอง

หลังจากหลายคนเคยวิพากษ์วิจารณ์ข้อสอบอย่างเผ็ดร้อน เป็นประเด็นดังในสังคมช่วงนึง (แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้ววะ?)

เอาเถอะ ช่างแม่งมัน มาดูคะแนนกูเลยดีกว่า

myonet

วิจารณ์เป็นรายวิชาดีกว่า
ภาษาไทย อันนี้ดูเป็นวิชาแจกคะแนนอยู่แล้ว ทำไปเรื่อยๆ เพลินๆ (แต่คะแนนก็ไม่สูงนะ?)
สังคมศึกษาฯ เจอข้อสอบฝนมันจนมือดำไปแล้ว คะแนนออกมาก็น่าพอใจนะ
ภาษาอังกฤษ รอดเกินครึ่งก็บุญหนักหนาแล้ว!
คณฺิตศาสตร์ วิชานี้ถือว่ากินบุญเก่าได้ คะแนนพอเอาตัวรอดไปได้นะ? (แต่เห็นเต็มกันเยอะหนื)
วิทยาศาสตร์ อันนี้เห็นแล้ว ?ช็อกกันเลยทีเดียว? กูเรียนสายวิทย์แท้ๆ ทำคะแนนได้น้อยกว่าสายศิลป์อีก เหอะๆ
สุขศึกษาและพลศึกษา เอาตัวรอดจากการถูกข่มขืนได้
ศิลปะ หลังจากเจอชุดชีเปลือย All in one เข้าไปจนเกือบเซ แต่ก็รอดมาได้
การงานอาชีพและเทคโนโลยี แปลกใจโคตรๆ ทำไมอันนี้ได้คะแนนสูงเกินชาวบ้านแฮะ หรือว่ากูซักผ้า / ปูโต๊ะบ่อย ฮ่าๆ

เมื่อได้คะแนนตัวนี้แล้ว ลองเอาไปคิดเล่นๆ ในเว็บเด็กเกรียน เด็กดี ดูผลที่ออกมาก็เป็นเช่นนี้

กลุ่ม 6.1 บริหาร พาณิชยศาสตร์ การบัญชี เศรษฐศาสตร์

image

กลุ่ม 9.1 นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมวิทยา สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์

image

กลุ่ม 9.2 นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมวิทยา สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์

image

เห็นคะแนนแล้วก็แทบบ้า กลุ่ม 6.1 นี่พอสู้กับคนอื่นได้นะ คิดแล้วก็นั่งนึกว่าคิดถูกหรือคิดผิดว้าที่เอานิเทศฯ ไปแล้ว?

อีกอย่างคือ คิดว่านี่คือผลของการไม่เตรียมตัวเหี้ยอะไรเลย ไม่ได้อ่านหนังสือสักแอะ ได้คะแนนเท่านี้มันก็สาสมแล้ว

สำหรับคนที่รอหวังในรอบแอดมิชชั่นนะครับ ก็ขอให้มีที่เรียนตามที่ฝันทุกคน (ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม?)

ปล.1. สทศ. จะประกาศเว็บที่จะประกาศผลร่วมทำแมวน้ำอะไรครับ ในเมื่อก็ลากเข้าที่เดียว
ปล.2. แล้วลิงก์ที่ทำมา ก็ผิดนะครับ งงตั้งนานทำไมกูดูไม่ได้สักทีวะ!

(เพิ่มเติม…)

Tags: ,

14 ส.ค. 09 รับตรง VS แอดฯ กลาง – ทางเลือกที่ต้องเลือก

เมื่อมาถึงช่วง ม.6 ก็ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการเรียนต่อของนักเรียนสายสามัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่ของนักเรียนสายสามัญก็คือ ?การเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา? โดยเฉพาะ ?การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยระบบปิด? ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ ที่จะนำมาซึ่งหลายๆ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น (ถึงแม้ว่าที่นั่งในนั้นจะมีน้อยก็ตาม)

ซึ่งการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยระบบปิดในปีการศึกษา 2553 นี้ก็มีอยู่ 2 ระบบใหญ่ๆ คือ

– ระบบรับตรง ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะเปิดรับสมัครเอง ในสาขาต่างๆ 
– ระบบกลาง (Admission) ซึ่งดูแลโดยที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)

ในระบบรับตรง แต่ละคณะของแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์ต่างๆ ตามความต้องการของมหาวิทยาลัยนั้นๆ ส่วนระบบกลางจะมีการกำหนดเกณฑ์ล่วงหน้า เพื่อการเตรียมตัว

แน่นอนว่าระบบกลางนั้น คณะที่เปิดรับจะมากกว่า และมีการรับนักศึกษาในอัตราที่ค่อนข้างมากกว่าระบบรับตรง

แต่ในปีนี้ระบบรับตรงบางมหาวิทยาลัย ก็มีการรับนักศึกษาในอัตราที่มาก และบางคณะก็ใช้เพียงวิธีการรับตรงเพียงอย่างเดียว

—————————————————-

เกริ่นมานาน เข้าเรื่องดีกว่า

ตอนนี้ผมก็เกิดอาการลังเลว่า จะเข้าเรียนต่อในคณะไหนดี และที่ไหนดี

– ใจนึงก็อยากเรียนนิเทศศาสตร์ แต่ถ้าจะเข้าก็ต้องรอเข้าในระบบกลาง เพราะระบบรับตรงมันไม่ค่อยรับ ไม่ก็รับน้อย(มาก?)
– ใจนึงก็อยากเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะมันมีในระบบรับตรง อัตรารับพอสมควร แต่ก็ยังสองจิตสองใจ ไม่มั่นใจในความถนัด

– ใจนึงก็อยากเข้าในระบบรับตรง เพราะไม่อยากไปลุ้นกับคะแนนที่จะออกมา ไม่อยากเหนื่อยหลายรอบ
– อีกใจก็อยากไปเข้าระบบกลางเพราะมีคณะที่อยากเข้า ที่สนใจ

แต่ถึงเวลานี้ มันถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้วล่ะครับ!!!

ปล.วันนี้วันสุดท้ายที่ส่งผลงานเข้านิเทศฯ จุฬาฯ (รับตรง) นี่หว่า?
ปล2.พรุ่งนี้ (15/8) กูไปแข่งเศรษฐศาสตร์ฯ ธปท. ด้วย จะรอดไหมกู?

Tags: , ,