ขณะนี้ได้จัดทำไฟล์รวบรวมผลการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในระบบกลาง (Admissions) เรียบร้อยแล้ว
ขอเชิญพี่น้องชาวแสดดำ (หรือคนอื่นก็ได้) ที่สนใจ เชิญดูและดาวน์โหลดได้ที่โลโก้ข้างล่าง
โปรดเผยแพร่และส่งต่อด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง (เพราะกูทำโคตรเหนื่อย?)
ขอบคุณครับ?
Tags: มหาวิทยาลัย, แก่นนครวิทยาลัย, แอดมิชชั่น
เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ผมก็ได้ไปแข่งขัน ไซเบอร์ดิก ครอสเวิร์ดเกมชิงแชมป์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2552 ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันครอสเวิร์ด เอแม็ท คำคม ซูโดกุ รายการใหญ่ที่สุดในภาคอีสานของสมาคมครอสเวิร์ดฯ
แน่นอนครับ อย่างผมเรอะจะไปแข่งครอสเวิร์ด (ศัพท์ภาษาอังกฤษนี่ย่ำแย่) เอแม็ท (อันนี้เคยเล่นแต่ก็ร้างสนามมาไกล) คำคม (มันเล่นยังไงวะ?)
สุดท้ายก็เลยต้องมาแข่ง ซูโดกุ นี่แหละครับ
——————————————
ต้องอธิบายกติกาก่อนว่ามันเป็นยังไง (ส่วนซูโดกุมันคืออะไร แนะนำให้อาจารย์กุ๊กไก่ช่วยนะครับ)
– รอบแรก มีโจทย์ให้ทำ 3 ข้อ ให้เวลา 30 นาที แต่ละข้อจะมีคะแนนแตกต่างกันออกไป ถ้าเสร็จก่อนเวลาสามารถส่งได้ โดยจะมีโบนัสเวลาให้ถ้าทำถูกและส่งก่อนเวลา (คัดเข้ารอบ 5 คน)
– รอบชิงชนะเลิศ แข่งขันกันบนกระดานใหญ่ ให้เวลา 15 นาที ถ้ายังไม่เสร็จต่อเวลาอีก 5 นาที ถ้าไม่มีใครทำเสร็จให้นับช่องที่ทำถูกต้อง
สำหรับรอบแรก ก็มีตารางให้ทั้งหมด 3 ตารางคือ ซูโดกุมาตรฐาน , จิ๊กซอว์ซูโดกุ , ซูโดกุเลขคู่-เลขคี่ (อยากรู้เป็นยังไง อย่าลืมอาจารย์กุ๊กไก่!)
ผมก็ผ่านรอบแรกมาได้โดยได้คะแนนที่สองครับ…
มาถึงรอบชิง ก็มาแข่งขันบนกระดานหน้าเวทีอีกครั้ง
(ย้อนกลับไปหน่อย ปีที่แล้วผมก็เข้าแข่งรายการนี้ แต่ว่าได้ที่ 3 เพราะว่าพลาดในการแข่งขันกระดานใหญ่นี่แหละครับ เติมไม่ครบช่อง)
มาถึงปีนี้ เมื่อแข่งขันไป 15 นาที ไม่มีใครเสร็จ (แต่คนข้างๆ เขาเกือบเสร็จแล้ว) ก็เลยได้ต่อเวลาไปอีก 5 นาที
แข่งไปจนจบ มีคนเสร็จคนเดียว ผมทำไม่เสร็จครับ…ไม่เสร็จร่วมกับคู่แข่งอีก 4 คน
(อ่อ ลืมบอก การแข่งขันนี้เป็นการแข่งระหว่า 2 โรงเรียนคือมารีย์วิทยา (เจ้าถิ่น) กับแก่นนครวิทยาลัย 3:2 มีผมเป็นผู้ชายคนเดียว หึๆ)
สรุป ผมได้ที่ 2 ครับ แก้แค้นสำเร็จกับความผิดหวังในปีที่แล้วที่พลาดไปได้ที่ 3
ที่สำคัญ ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มอีกหลายคนเลย ทั้งรุ่นน้องที่ไปแข่งด้วย ทั้งคนที่ร่วมแข่งขันด้วย
รู้สึกดีจริงๆ ครับ…
Tags: sudoku, ซูโดกุ, แก่นนครวิทยาลัย
จากการไปแข่งขันตอบปัญหาเศรษฐกิจการเงิน กับ ธปท. งวดที่แล้วที่พลาดไป ก็หวังไว้ว่าเราต้องฟิตซ้อม ตั้งใจมากกว่านี้
เพื่อการแข่งขันงวดนี้ครับ ?การแข่งขันเศรษฐศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ : เงินทอง ของมีค่า และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1?
———————————————————
การแข่งขันครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงมาจากการแข่งขัน ?เงินทองของมีค่า The Champion? ที่จัดกันมาหลายปี โดยร่วมกับมูลนิธิร่มฉัตร เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันในโครงการ ?เพชรยอดมงกุฎ? ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2
การแข่งขันก็เป็นอย่างนี้ครับ
– รอบแรก รอบเจียระไนเพชร จะมีข้อสอบ 100 ข้อเพื่อคัดเลือกคนที่ได้คะแนนมากที่สุด 10 อันดับแรก
– รอบสอง เพชรยอดมงกุฎ จะคัดเลือกเอา 10 คนที่ผ่านรอบแรกมาแข่งขันต่อ เพื่อคัดเอา 3 คนสุดท้ายไปในรอบสุดท้าย
– รอบสุดท้าย เป็นการแสดงความคิดเห็นจากภาพที่ได้เห็น และตอบคำถามจากกรรมการ 1 ข้อ
สำหรับรางวัลนั้นก็มีดังนี้ครับ
มาพูดถึงบรรยากาศดีกว่า
ที่รับลงทะเบียนก็มีการนำเด็กนักเรียนที่โรงเรียนมาเป็นเจ้าหน้าที่ในการรับลงทะเบียน ก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย
รอบแรก หลังจากสอบเสร็จแล้ว ความมั่นใจก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ เฉยๆ ไปเรื่อยๆ สอบเสร็จก็นั่งรถไปเที่ยวเดอะมอลล์ซะอย่างนั้น
ในกำหนดการ บอกว่าจะประกาศผลตอนบ่ายโมง เริ่มแข่งรอบต่อไปบ่ายโมงครึ่ง แต่พอออกจากเดอะมอลล์บ่ายโมงสิบ ไปถึงโรงเรียนบ่ายโมงครึ่ง ในใจคิด ฉิบหายแล้วกู
ที่ไหนได้ มันยังไม่ประกาศผลเลย?ไปถึงเด็กรออยู่เต็มเลย ก็ไปร่วมรอฟังด้วย ในใจนึงก็คิดว่า คงไม่ติดหรอก พอประกาศไปถึงลำดับที่ 9 เฮ้ย ชื่อกูนี่หว่า รู้สึกอึ้งเล็กน้อย
ในรอบสุดท้ายนี่มีทั้งหมด 12 คนเนื่องจากอันดับ 10 มีทั้งหมด 3 คน มีทั้งเตรียมอุดมฯ , มหิดลฯ , เทพศิรินทร์ ซึ่งหลายคนก็เคยเข้าแข่งขันในปีที่แล้ว ในรอบนี้จะมีคำถามให้ทำ 10 ข้อในเวลา 7 นาที ซึ่งสองข้อสุดท้ายเป็นการคำนวณด้วย
ไม่น่าเชื่อครับ หนึ่งในสามมีกูด้วย (อีกสองคนมาจากเทพศิรินทร์ และมหิดลวิทยานุสรณ์)
รอบสุดท้ายก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ
สุดท้าย ผลออกมา ได้รางวัล ?รองชนะเลิศอันดับ1? ครับ
ไม่น่าเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ ดีใจเหมือนกันครับ
หลังจากจบการแข่งขันนี้ ก็ถือว่าการเดินสายแข่งขันก็จบลงไปแล้ว
ต่อไปก็เข้าสู่ช่วงที่ต้อง ?ทำเพื่ออนาคตตัวเอง? ในการศึกษาต่อแล้วละครับ!
Tags: เงินทองของมีค่า, เพชรยอดมงกุฎ, เศรษฐศาสตร์, แก่นนครวิทยาลัย
ช่วงนี้ฟิตจัด อัพบล็อกเรื่องใกล้ตัวดีกว่า
———————————-
จากที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยได้ทำน้ำดื่มออกจำหน่ายในชื่อ ?น้ำดื่มแก่นนคร? มาตั้งแต่ประมาณปลายเทอมที่แล้ว
แต่ว่ารอไปนานเหลือเกิน น้ำก็ไม่มี อย. มาเป็นเครื่องยืนยันสักที (จนหลายคนไม่กล้าที่จะซื้อ แต่ทำยังไงได้ มันเป็นการบังคับนี่หว่า มีน้ำขายยี่ห้อเดียว ก๊อกน้ำฟรีรสชาติก็แปลกๆ)
แต่วันนี้เดินเหลือบไปที่หน้าห้องธุรการ เห็นประกาศนี้ครับ
ก็เป็นการยืนยันแล้วว่า น้ำดื่มของโรงเรียนนั้นได้มาตรฐานนะครับ หึๆ
ปล.เห็นว่าตอนแรกน้ำหยุดผลิตไปช่วงนึง ไม่รู้เพราะอะไร แต่ตอนนี้รูสึกจะเอากลับมาขายแล้วนะ?
ปล2.ก่อนหน้าที่จะได้ อย. ทางโรงเรียนเคยนำผลการตรวจคุณภาพน้ำโดยบริษัทเอกชนมาติดบริเวณหน้าโรงขายน้ำ (แต่ไม่แน่ใจว่าเอาออกไปหรือยัง)
Tags: น้ำดื่ม, แก่นนครวิทยาลัย
วันนี้ที่คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็มีการแข่งขันตอบปัญหาเศรษฐกิจการเงินกับ ธปท. โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ลักษณะการแข่งขันก็จะเป็นการแข่งขันตอบปัญหาเป็นทีม ทีมละ 2 คน โดยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า แล้วคัดเอานักเรียนที่มีคะแนนดีที่สุด 6 ทีมไปแข่งขันต่อในรอบชิงชนะเลิศ โดยทั้งหมดเสร็จสิ้นใน 1 วัน
เอาละ อย่าเกริ่นนาน มาพูดถึงบรรยากาศดีกว่า
(อ้าว แล้วแก่นนครหายไปไหน? อ่อ ตกรอบนั่นเอง?)
รางวัลของการแข่งขันจะมี 2 ประเภท คือประเภทบุคคล (ในรอบคัดเลือก) และประเภททีม(ในรอบชิงชนะเลิศ)
ประเภทบุคคล
- รางวัลที่ 1 ประเภทบุคคล 10,000 บาท
- รางวัลที่ 2 ? 5,000 บาท
- รางวัลที่ 3 ? 4,000 บาท
- รางวัลชมเชย (22 คน) 3,000 บาท
ประเภททีม
รางวัลที่ 1 โรงเรียนได้ 100,000 บาท นักเรียนได้คนละ 10,000 บาท รางวัลที่ 2 โรงเรียนได้ 50,000 บาท นักเรียนได้คนละ 5,000 บาท รางวัลที่ 3 โรงเรียนได้ 40,000 บาท นักเรียนได้คนละ 4,000 บาท รางวัลชมเชย โรงเรียนได้ 20,000 บาท นักเรียนได้คนละ 3,000 บาท (3 โรงเรียน)
การแข่งขันก็เข้มข้นจนถึงข้อสุดท้ายครับ เมื่อเดชอุดมกับขอนแก่นวิทยายนได้คะแนนเท่ากัน จนต้องตัดสินด้วยคำถามสำรอง โดยจะแข่งก่อน 3 ข้อแรก ถ้าใครได้คะแนนมากกว่าก็จะชนะไป
ปรากฏว่ายังไม่ได้ผู้ชนะ เลยต้องแข่งแบบ Sudden Death ปรากฏว่าต้องลากยาวไปถึงข้อที่ 14 ถึงจะรู้ผลแพ้ชนะกันเลยทีเดียว (ยาวจนต้องเอาเกมบิงโกแจกของมาคั่นทีเดียว)
ซึ่งผู้ชนะก็คือโรงเรียนเดชอุดมนั่นเอง (หลังจากที่ปีที่แล้วก็ส่งทีมเข้าแข่ง และเข้ารอบสุดท้ายด้วย แต่ได้รางวัลชมเชย – คนเดิมด้วยนะ อีกอย่าง พอตอบถูกถึงกับดีใจจนเสียน้ำตาเลยทีเดียว)
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รางวัลอะไรก็ตาม แต่เพื่อนผมก็ได้รางวัลประเภทบุคคล ได้เงินมา 3,000 บาท (อย่าลืมเลี้ยงนะมึง)
และตัวผมเองก็ได้อะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน
ไม่เป็นไร เอาไว้แก้ตัวใหม่กับรายการตอนสิ้นเดือน (เศรษฐศาสตร์เพชรยอดมงกุฏ) ที่สตรีวิทยา2 ก็ได้วะ! (เพิ่มเติม…)
Tags: ธปท, เศรษฐศาสตร์, แก่นนครวิทยาลัย
ไม่ใช่ปฏิทิน หรือรูปชุดแฟชั่นของขวัญ อุษามณี หรือปีใหม่ สุมนต์รัตน์นะครับ
แต่มันคือการจับสลากของขวัญปีใหม่ของห้องผมครับ
ผมก็นำ “หมวก Converse” ร่วมในศึกครั้งนี้ด้วย
ปรากฏว่า ผมจับได้อันนี้ครับ!!! (เพิ่มเติม…)
Tags: 5/3, ของขวัญ, ปีใหม่, แก่นนครวิทยาลัย
กีฬาสีที่แก่นนครเริ่มแล้วครับ…
ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมาก ก็จะเริ่มแข่งกีฬาที่ยืดเยื้อ เช่นฟุตบอล
แต่เนื่องจากเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีธุระต้องไปสอบ (รามคำแหง) ทำให้กลับมาดูไม่ทัน
กติกาของฟุตบอลกีฬาสี
– ครึ่งละ 20 นาที
– ห้ามเล่นให้ผิดสี จับได้ปรับแพ้ โดนแบนตลอดการแข่งขัน…
ดูทันก็เพียงบอลหญิงละครับ…
แต่บอลหญิงนี่ สนุกดีจริงๆ
แต่ดูจากสภาพสนามที่ใช้แล้วหนิ
สมควรเอาไปทำนามากกว่าเตะบอลนะเนี่ย
ดูๆไป นึกว่าดูชิงร้อยชิงล้านอยู่… (ช่วงแก๊งค์สามช่า มาท้าดวลผู้กล้าในตอนที่มีโคลน)
เป็นเพราะ พิษฝนที่ตกกระหน่ำทั้งวัน เสาร์-อาทิตย์ ทำให้สภาพสนามเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
เละเทะจริงๆ…
**ภาพทั้งหมด ไปชมได้ที่อัลบั้มภาพ หรือคลิกที่นี่สำหรับภาพวันที่ 1/11 และคลิกที่นี่สำหรับภาพวันที่ 2/11**
————————————
แถมท้ายนิดนึง กับ สปิริตของนักกีฬา
Tags: กนว, กีฬาสี, แก่นนครวิทยาลัย
?ไม่ได้! ถ้ามีคนทำดีกว่าเราก็จะโดนกลบไปเลย?
หมดบทพูดครับเมื่อเจอคำนี้ -*- (อันที่จริงอยากจะพูดต่อนะ แต่ว่าดูจากสถานการณ์ แล้ว ถ้าพูดต่อโดนแน่ – -)
อะไรกันน่ะ? กีฬาสี แข่งเอาสนุกสนาน แต่ถ้าไม่เด่นกว่า ไม่ดีกว่า ก็ไม่สนุก งั้นรึไง? ทำไมล่ะ? ทำไมเป็นแบบนี้? ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็ควักเนื้อตัวเองไปทุกครั้ง เดือดร้อนเงินตัวเอง เดือดร้อนเงิน เปลืองเวลาทั้งตัวเองทั้งเพื่อน เรียนก็ออกมาไม่ดี อ้างว่าไม่มีเวลา พอผลการเรียนตกก็บ่นๆๆๆๆ ไม่ก็ร้องห่มร้องไห้
แล้วไอ้เวลาทั้งหลายที่มันมีก่อนหน้านี้ล่ะ?
จริงอยู่ที่ว่าเรียนหนัก แถมงาน+กิจกรรมเยอะ แทนที่จะหาวิธีลดงานอื่นที่จะลดได้ เอาเวลามาเรียนหนังสือก็ไม่ทำ กลับหางานมาเพิ่ม อะไรบ้างก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ แล้วยังจะมาบ่นมาร้องไห้อีก แบบนี้มันน่า…นะ
จนถึงตอนนี้ เงินก็ไม่มี งบก็ไม่มี แต่ก็ไม่รู้จักจำ สักแต่ว่าจะทำๆ อยากทำๆ ก็จะทำอยู่นั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าเงินมันไม่มี เบิกเอาก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เงินที่เก็บก็ได้ไม่ครบ เสียเงิน เสียเวลา อะไรก็ไม่รู้ จะบอกว่าสำรองจ่ายไปก่อน เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วท่านจะไปหาที่ไหน? แล้วไอ้คนที่บอกว่าจะทำน่ะ เอาเข้าจริงทำเองซักแค่ไหนกัน? เดือดร้อนเพื่อน เดือดร้อนคนอื่น เดือดร้อนตัวเองด้วย (กรณีหลังนี่ละได้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็แล้วแต่นะ) เพราะไอ้คนบอกว่าอยากท้ามม… มันก็จะทำ ไอ้คนที่ไม่อยากทำ มันก็ต้องทำ เพราะว่าคนพวกแรกจะเสียงดังกว่า(+มีเยอะกว่า)เสมอ ส่วนพวกยังไงก็ได้ก็…
ก็เข้าใจอยู่ว่าอยากทำให้ดี อยากชนะ อยากมีศักดิ์ศรีอันน่าภาคภูมิ(ที่ได้มาจากการกระทำแบบ…นี้) กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่น คนอื่นจะดูถูก จะนินทา – – (ไอ้คนที่คิดจุกจิกกับเรื่องแค่นี้ คุณยังไปสนใจความคิดกับคำพูดพวกนั้นอีกเหรอ? เราทำดีกว่าแล้วเค้าจะชื่นชมรึไง? ไม่เลย ก็…งั้นๆ แหละ หรืออาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วทำไมยังจะแคร์อีกล่ะ?) ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คุณจะไปสนทำไม? ถึงเราจะทำไม่ดีเท่า ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำเต็มที่ เค้าอยากทำดีแค่ไหนก็ทำไปสิ คุณทำไม่ดีก็ไม่มีใครมาจับคุณถ่วงน้ำซักหน่อย ทำพอสมควรก็พอ อย่าลืมว่าเรื่องเรียนเป็นหลักนะจ๊ะ จะเอ็นท์ฯกันอยู่แล้วน้า
อีกอย่าง กีฬาสีเราแข่งเพื่ออะไรครับ?
ถามใคร ใครเค้าก็บอกว่า เพื่อความสนุกสนานและความสามัคคี
ถามล้านรอบ ก็ตอบเหมือนเดิมทุกคน
แล้วผมอยากรู้ว่า ไอ้ที่มันเป็นอยู่ตอนนี้เนี่ย ตามจุดประสงค์เลยว่างั้นเถอะ? เห็นด่ากันได้ตลอด นินทากัน ทะเลาะกัน ดีนะยังไม่ตบกัน(หรือว่ามีแล้วแต่ผมไม่รู้?) มองหน้ากันไม่ติดตั้งแต่เริ่มงานยันงานจบก็ยังเหมือนเดิม เผลอๆ ทะเลาะกันแรงขึ้นอีกต่างหาก ทั้งปัญหาภายในภายนอก เยอะแยะไปหมด แก้ยังไงก็ไม่หมด เพราะมันก็จะมีมาใหม่เรื่อยๆ(จาก…เยอะ)
ณ จุดนี้ งบก็ติดลบเป็นหมื่นแล้ว(เก็บจากไหน? -> ก็ (พ่อแม่) เพื่อนที่น่ารักไง!) แต่ก็ยังจะทำโครงการให้มันใหญ่ขึ้นไปอีก งบที่รู้ๆ อยู่แล้วว่าไม่พอจะทำ แถมยังบานออกเรื่อยๆ เพราะราคาสูงกว่าที่คิด แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสน… บอกแต่ว่า ทำเลยๆ คุ้ม(ตรงไหน?) บางโชว์ โชว์ครั้งเดียวหมดงบเกือบพัน! เพลงไม่ถึงนาทีหมดเป็นพัน! เพื่อ?
ยังครับยังไม่จบ มีอีกหลายโครงการที่กะไว้ แล้วยังไม่รู้งบ นี่ก็ท่าทางจะบาน(อีกแล้ว) เผลอๆ ต้องควักเนื้อคนละเป็นพัน เพื่อเอามาอุดรูรั่วที่(พวก…บางคน)ทำกันขึ้นมา
น่าเกลียดมากครับ!!!
แถมยังบอกไว้ชัดเจนเลยว่า คงต้องเก็บกันเอง แน่ะ! ตอนแรกก็ว่าจะเก็บน้อย สุดท้ายก็เหมือนเดิม บอกว่าจะหามาคืนให้อยู่บางส่วนมันก็…นะ(จะได้คนละถึงครึ่งที่เสียมั้ย? = ไม่มีทาง!)
แล้วยังมีการมาอ้างอีกว่า ที่เก็บน่ะมันต้องเก็บอยู่แล้ว เพราะยังไงงบมันก็ไม่พอ… งบไม่พอก็รู้อยู่ แล้วคุณจะทำนั่นทำนี่ หรูเริดเยอะแยะ ให้มันเปลืองเงินหา…อะไรครับ
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม? มันถึงออกมาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีงานกีฬาสี ผมไม่เข้าใจ ว่าทั้งที่เราก็รู้อยู่ว่าปัญหามันเป็นแบบนี้ รู้มาตั้งแต่อยู่ ม.ต้นแล้ว แต่เหมือนเอาเข้าจริงมันก็แก้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนทำเองแท้ๆ
ผมเองก็พอจะเข้าใจว่า คนที่อยากทำนั้น ยังมีความคิดที่ค่อนข้างจะเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่มาก(ก็วัยรุ่นนี่นะ – -)แต่ว่าการที่ต้องมารับผิดชอบงานใหญ่แบบนี้ ถ้าไม่คิดคำนวณให้ดีผลเสียจะมีมากกว่าผลดีนะครับ จริงอยู่ว่างานออกมาดี สวยงาม แต่มันก็แค่พักเดียว
พักเดียวจริงๆ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย
แล้วทำไมเราต้องใช้เวลาและเงินมากมายไปลงทุนกับเรื่องพวกนี้ด้วย?
ไม่มีใครบังคับให้คุณทำเลิศเลอด้วยซ้ำ คุณทำเองทั้งนั้น
อาศัยแค่ความรู้สึกว่าอยากทำๆ งบก็มีไม่พอแต่ก็จะทำอย่างเดียว แบบนี้มันไม่ได้ เพราะคุณยังไม่มีวิธีหาเงินด้วยตัวเอง แล้วคุณคิดกันยังไงล่ะ? ก็แค่ไปขอพ่อแม่มา ให้เพื่อนไปขอมา เราไม่มีทางเลือก หรือจะบอกให้ไปหาสปอนเซอร์? ง่ายขนาดนั้นเลยรึ? ถ้าอะไรๆ มันง่ายขนาดนั้นก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้วล่ะ
เลิกคิดอะไรๆ แบบเด็กๆ ซะที มันเดือดร้อนคนอื่นเค้า(พ่อแม่เค้าด้วย)
ผมแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ทำไมพวกที่เป็นแบบนี้ ถึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ก็มีมากกว่าเสมอ เพราะอะไร?
เพราะพวกเค้ายังโตไม่พอที่จะมีความคิดที่กว้างพอที่จะทำงานใหญ่ๆ หรือเพราะแค่ว่าไหนๆ ก็เป็นสต๊าฟฟ์เชียร์แค่ปีเดียว ซักครั้งจะเป็นไรไป? (เข้าใจอยู่ว่าแค่ปีเดียว เลยอยากทำให้มันเป็นความทรงจำ แต่ทำไมคุณต้องให้คนอื่นที่เค้าไม่เต็มใจจะทำ (ขนาดนั้น) ต้องมาเดือดร้อนไปกับคุณด้วย?)
อาจเป็นเพราะคนพวกนี้เสียงดังกว่า เลยมีอิทธิพลมากกว่า(รวมถึงจำนวนคนเยอะกว่าด้วย) ว่ามันไม่มีอะไรหรอก ผลดีที่ได้มันคุ้ม แต่ถ้ามองจากความเป็นจริง คุณคิดว่ามันจะคุ้มกว่าไหม? ถ้าเราเอาเงินเอาเวลา(ที่เกินความจำเป็น)ไปทำอย่างอื่น ที่มันไม่ใช่เรื่องพวกนี้ ซึ่งคงไม่ต้องถามว่าเป็นเรื่องไหน เพราะมันมีเยอะมากจนคุณอาจจะงงก็ได้ที่คุณลืมมันไปได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ทุกคนที่เข้ามายุ่ง ส่วนใหญ่จะกลายเป็นแบบนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นเพราะทำแล้วสนุกแต่ลืมนึกถึงผลร้ายที่ตามมา นึกถึงแต่ผลดี …ซึ่งถ้าจะบอกว่ามันเป็นการมองโลกในแง่ดี ก็คงไม่ใช่ เพราะนั่นมันคือการหลอกตัวเอง ว่ามันไม่มีอะไรหรอก ผลดีที่ได้มันคุ้ม แต่ถ้ามองจากความเป็นจริง คุณคิดว่ามันจะคุ้มกว่าไหม? ถ้าเราเอาเงินเอาเวลา(ที่เกินความจำเป็น)ไปทำอย่างอื่น ที่มันไม่ใช่เรื่องพวกนี้ ซึ่งคงไม่ต้องถามว่าเป็นเรื่องไหน เพราะมันมีเยอะมากจนคุณอาจจะงงก็ได้ที่คุณลืมมันไปได้ว่ามีอะไรบ้าง
อยากจะขอไว้อย่างหนึ่งว่า เวลาทำงาน กรุณาคิดอะไรให้มันรอบคอบหน่อย อย่าคิดแต่ว่าอยากทำๆ แล้วก็จะทำ ทำแบบนั้นดี แบบนี้คุ้ม ทำอย่างเดียว ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้จักประมาณตัวเอง ประมาณเพื่อน ถึงจะบอกว่าคิดอยู่ แต่ทำแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม่คิดหรอกครับ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย อยากฝากไปถึงท่านทั้งหลายที่ทำงานกีฬาสีทุกคน
โดยเฉพาะพวกแกนนำนะครับ
ถ้ามองในแง่บวกหน่อย ก็อาจจะพอพูดได้ว่า ก็พวกเค้ายังเด็ก ทำงานอะไรๆ ก็เป็นแบบนี้ล่ะ เรื่องธรรมดา
แต่ก็เพราะไอ้ความเป็นเด็กนี่ล่ะครับ ที่ทำให้หลายๆ คน รวมทั้งผู้ปกครอง ต้องเดือดร้อนกัน ไม่ใช่หรือครับ?
แล้วถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง แล้วมันจะเป็นยังไงครับ? ก็จะต้องเดือดร้อนกันแบบนี้ทุกรุ่นเลยหรือ?
มันไม่ถูกต้องนะครับที่จะทำแบบนี้ ไม่ถูกต้องเลยจริงๆ (อันที่จริงมันก็ผิดตั้งแต่คุณจะเก็บเงินแล้วล่ะ -*-) อย่าลืมว่าหน้าที่หลักของเราคือเรียนหนังสือ เพราะฉะนั้นเราควรจะทุ่มเทเวลาและเงินให้กับส่วนนั้น แต่ถ้าคุณเอาเงินเอาเวลามาทำแบบนี้ มันก็จะส่งผลต่อการเรียนไม่มากก็น้อย แล้วคุณจะมาบ่นทีหลังว่างานเยอะไม่ได้นะครับ เพราะคุณทำตัวเองทั้งนั้น แต่ที่น่าสงสารกว่าก็คือผู้ปกครอง ที่ให้เงินมาใช้ในการทำกิจกรรม แต่การเรียนของลูกๆ กลับตกลง แบบนี้มันเหมือนเป็นการเอาเปรียบผู้ปกครองนะครับ กรุณาพิจารณาให้ดีอย่างถี่ถ้วนด้วย คิดดูดีๆ ครับ
ปัญหาแบบนี้มีทางแก้มากมาย และสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยถ้าจะทำ(แต่ก็ไม่เคยเห็นทำซักที) เอาง่ายๆ ตัดโครงการที่มันเลิศเลอออกไปแล้วทำแค่พอประมาณ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วครับ ง่ายๆ แถมทำให้เรามีเวลาทำส่วนอื่นมากขึ้นด้วย
แต่ในเมื่อมันง่ายแค่นี้ ทำไมๆๆ และทำไม ถึงไม่มีใครเริ่มที่จะทำเลยล่ะครับ?
Tags: กนว, กีฬาสี, แก่นนครวิทยาลัย
กีฬา น.กิจกรรมหรือการเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลินเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย หรือเพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดทางจิต.
(พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542)
แต่ กีฬาสี ของแก่นนครวิทยาลัย มีความหมายถึงอะไรครับ
-การเอาชนะ
-การแตกความสามัคคี
-ความขัดแย้ง
-งบประมาณบานปลาย (ได้ยินว่าเก็บเพิ่มเป็นพัน!!)
หรืออะไรครับ???
และการแข่งขันกีฬาสี ในความหมายของแก่นนครฯ คืออะไร
ก.เชียร์ลีดเดอร์
ข.ขบวน
ค.สแตนด์
ง.การแสดง
จ.แบตมินตัน , กรีฑา , ฟุตบอล , วอลเลย์บอล ฯลฯ
เท่าที่ผมดู คงต้องตอบว่า ถูกทุกข้อ ยกเว้น จ.!!!
เพราะ เป้าหมายหลักของการแข่งขันที่หลายคนมองผิดไป ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ใช่หรือไม่???
ถ้าเราเปลี่ยนความหมายของ “กีฬาสี” เป็น
-ความสนุกสนาน
-ความเฮฮา
-น้ำใจ และมิตรภาพ
คงจะทำให้ ความหมายด้านบน เปลี่ยนไป…
และถ้าเรา เปลี่ยนเป้าหมายในการแข่งขัน โดยเน้นข้อ จ. เป็นหลัก
ก็เชื่อว่า คงจะไม่มีความหมายของกีฬาสี แบบในตอนต้น แน่นอน!!!
Tags: กนว, กีฬาสี, แก่นนครวิทยาลัย